อนุญาโตตุลาการ Arbiter , Arbitarter, Arbitor, Arbitartor
ความเบื้องต้น
อนุญาโตตุลาการ
อนุญาโตตุลาการเป็นบุคคลที่มีบทบาทที่สำคัญที่สุดในการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการนี้ทั้งนี้เพราะการดำเนินกระบวนพิจารณาและการทำคำวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทนั้นย่อมต้องอาศัยความรู้ความสามารถ
ความเชี่ยวชาญ และความยุติธรรม ของผู้เป็นอนุญาโตตุลาการ
ดังนั้นการระงับข้อพิพาทจะสำเร็จสมตามความมุ่งหมายหรือไม่
จึงขึ้นอยู่กับผู้เป็นอนุญาโตตุลาการเป็นสำคัญ
ด้วยเหตุนี้การแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการแต่งตั้งบุคคลที่จะมาเป็นอนุญาโตตุลาการ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวิธีการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ
และบุคคลที่จะเป็นอนุญาโตตุลาการ
บุคคลที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติหรือมีความสามารถตามกฎหมาย
สิ่งสำคัญของคู่กรณีที่จะตกลงกันเกี่ยวกับวิธีการและบุคคลที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการ
ที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของเสรีภาพในการทำความตกลงกัน
ซึ่งเป็นหลักฐานของกฎหมายเอกชนและเรื่องของความเสมอภาคของคู่กรณีในการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่กรณี
คู่กรณีทุกฝ่ายต้องได้รับเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
หลักแห่งความเสมอภาคในการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 11
ของพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530
บัญญัติว่า “อนุญาโตตุลาการอาจมีคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ ในกรณีที่มีอนุญาโตตุลาการหลายคน
ให้คู่กรณีตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายละเท่ากัน”
ในกรณีที่สัญญาอนุญาโตตุลาการไม่ได้กำหนดจำนวนอนุญาโตตุลาการไว้
ให้คู่กรณีตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายละหนึ่งคน
และให้อนุญาโตตุลาการดังกล่าวร่วมกันตั้งบุคคลภายนอกอีกหนึ่งคนร่วมเป็นอนุญาโตตุลาการด้วย
ตามมาตราที่ 11
สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1)
สัญญาอนุญาโตตุลาการจะกำหนดจำนวนอนุญาโตตุลาการไว้หรือไม่ก็ได้
2)
ในกรณีที่มีการระบุจำนวนอนุญาโตตุลาการไว้ในสัญญา จะระบุให้มีจำนวน
อนุญาโตตุลาการคนเดียวหรือหลายคนก็ได้
3) กรณีที่ไม่มีการกำหนดจำนวนอนุญาโตตุลาการไว้ในสัญญา
กฎหมายระบุให้มี
อนุญาโตตุลาการสามคนโดยให้คู่กรณีแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายละหนึ่งคน
และให้อนุญาโตตุลาการดังกล่าวร่วมกันแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการคนที่สามขึ้น
ผลภายหลังของการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการนั้น เมื่อมีการแต่งตั้งบุคคลใดเป็นอนุญาโตตุลาการโดยชอบแล้ว
บุคคลดังกล่าวก็จะสามารถทำหน้าที่เป็นอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่กรณีได้
ในทางปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการนั้นคู่กรณีอาจตกลงกันดังต่อไปนี้
1. การแต่งตั้งโดยคู่กรณีเอง
ในกรณีมีข้อตกลงกันมาตั้งแต่ต้น โดยอาจจะมีการระบุบุคคลที่เป็นอนุญาโตตุลาการไว้ในสัญญาอนุญาโตตุลาการหรือไม่ก็ได้
หรือจะตกลงกันภายหลังข้อพิพาทเกิดขึ้นก็ได้เช่นกัน
2. ให้สถาบันอนุญาโตตุลาการ
เป็นผู้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการให้
กรณีนี้จะเกิดขึ้นในกรณีที่คู่กรณีตกลงกันให้ระงับข้อพิพาทโดยการอนุญาโตตุลาการ ตามข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการ
ซึ่งในกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการก็อาจกำหนดวิธีการที่สถาบันอนุญาโตตุลาการจะแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการไว้
3. ให้บุคคลภายนอกเป็นผู้แต่งตั้ง
กรณีที่สัญญาอนุญาโตตุลาการกำหนดให้บุคคลภายนอกเป็นผู้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ ซึ่งกรณีนี้สามารถทำได้เช่นกัน ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2530
บัญญัติวิธีการนี้ไว้ในมาตรา 15 วรรคแรกว่า“ในกรณีที่สัญญาอนุญาโตตุลาการกำหนดให้บุคคลหนึ่ง
หรือหลายคนเป็นอนุญาโตตุลาการ
หรือให้บุคคลภายนอกเป็นผู้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ....”
การแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการไม่ว่าโดยวิธีใด
จะต้องเป็นไปตามมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2530
คือต้องทำการแต่งตั้งภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา หรือภายในกำหนดเวลาอันสมควร
โดยรับความยินยอมจากบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ
ผลภายหลังการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการนั้น
เมื่อแต่งตั้งบุคคลใดเป็นอนุญาโตตุลาการโดยชอบแล้ว
บุคคลดังกล่าวก็สามารถทำหน้าที่เป็นอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่กรณี
โดยหลักการแล้ว
เมื่อมีการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการแล้วจะถอดถอนไม่ได้เว้นแต่คู่กรณีทุกฝ่ายได้ยินยอม หรือปรากฏเหตุคัดค้านอนุญาโตตุลาการขึ้น
และได้มีการหยิบยกเหตุแห่งการคัดค้านนั้นขึ้น แล้วมีการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการขึ้นใหม่แทนบุคคลที่ถูกคัดค้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น