วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เขตอำนาจสอบสวนตามมาตรา ๑๙ วรรคแรก




เขตอำนาจสอบสวนตามมาตรา ๑๙ วรรคแรก

การที่นักศึกษาจะใช้มาตรา  ๑๙  ในการวินิจฉัยได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ความผิดเกิดขึ้นฺในหลายท้องที่  ไม่ใช่กรณีความผิดเกิดขึ้นในท้องที่หนึ่ง  หรืออ้างว่าได้เกิด  เชื่อว่าได้เกิดในท้องที่หนึ่ง และผู้ต้องหามีที่อยู่หรือถูกจับในอีกท้องที่หนึ่งตามมาตรา ๑๘   ความผิดเกิดขึ้นในหลายท้องที่มีได้กรณีตามมาตรา  ๑๙  ดังนี้ 
มาตรา 19 ในกรณีดั่งต่อไปนี้ 
(1) เป็นการไม่แน่ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำในท้องที่ใดใน ระหว่างหลายท้องที่ 
(2) เมื่อความผิดส่วนหนึ่งกระทำในท้องที่หนึ่ง แต่มีอีกส่วนหนึ่ง ในอีกท้องที่หนึ่ง 
(3) เมื่อความผิดนั้นเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกัน ในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป 
(4) เมื่อเป็นความผิดซึ่งมีหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน 
(5) เมื่อความผิดเกิดขึ้นขณะผู้ต้องหากำลังเดินทาง 
(6) เมื่อความผิดเกิดขึ้นขณะผู้เสียหายกำลังเดินทาง 

อธิบาย
(1) เป็นการไม่แน่ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำในท้องที่ใดใน ระหว่างหลายท้องที่ 
เป็นกรณีการกระทำความผิดไม่แน่ชัดว่าเกิดในท้องที่ใดกันแน่  (แต่มิใช่ความผิดต่อเนื่องตาม (๓))   เช่น  จำเลยได้รับมอบอำนาจให้ไปเก็บเงินลูกหนี้ในจังหวัดเชียงใหม่  เพื่อนำกลับมาส่งผู้เสียหายที่กรุงเทพ  แต่จำเลยกลับยักยอกเงินไปเสีย  เป็นการไม่แน่ชัดว่า จำเลยทำการยักยอกทรัพย์ในท้องที่จังหวัดใด  พนักงานสอบสวนทุกท้องที่ที่เกี่ยวข้องในระหว่างการเดินทางกลับกรุงเทพจากเชียงใหม่  มีอำนาจสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2530 
จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วม มีหน้าที่เก็บเงินจากลูกหนี้ของโจทก์ร่วมที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วส่งมอบให้โจทก์ร่วมซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก จำเลยรับเงินจากลูกหนี้ของโจทก์ร่วมในอีกท้องที่หนึ่งแล้วไม่ส่งมอบให้โจทก์ร่วม จึงเป็นการไม่แน่ว่าจำเลยทำการยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วมในท้องที่ใด พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรักจึงมีอำนาจสอบสวน. 


ความสับสนไม่แน่ใจของพนักงานสอบสวนไม่ใช่กรณีไม่แน่ว่าความผิดเกิดขึ้นในท้องที่ใดที่จะทำให้พนักงานสอบสวนทุกท้องที่มีอำนาจสอบสวน


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2549
เหตุ คดีนี้เกิดในพื้นที่อำเภอเมืองอำนาจเจริญซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบ สวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอำนาจเจริญ มิได้เกิดในเขตอำนาจสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทยเจริญจึงไม่มีอำนาจสอบสวนความผิดซึ่ง ได้เกิดขึ้นในคดีนี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 18 วรรคหนึ่ง ข้อที่โจทก์อ้างในฎีกาว่าเป็นกรณีพยานโจทก์ผู้จับกุมไม่แน่ใจว่าการกระทำผิด อาญาได้กระทำในท้องที่ใดระหว่างหลายท้องที่ พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวนได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 นั้น หมายความเฉพาะเมื่อสภาพการกระทำผิดอาญานั้นเองเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่ในตัว ว่า เป็นการไม่แน่ว่ากระทำขึ้นในท้องที่ใดในระหว่างหลายท้องที่ต่างเขตอำนาจสอบ สวน มิได้หมายความถึงกรณีที่ตัวพนักงานสอบสวนหรือผู้จับกุมสับสนในเรื่องพื้นที่ เขตอำนาจของตนเสียเอง ทั้งที่เป็นการแน่นอนแล้วว่าความผิดนั้นได้กระทำในท้องที่ใด เมื่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทยเจริญยังขืนสอบสวนความผิดนี้ การสอบสวนนั้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือได้ว่าคดีนี้ไม่มีการสอบสวน เมื่อยังมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้น โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องคดีต่อศาลตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120

(2) เมื่อความผิดส่วนหนึ่งกระทำในท้องที่หนึ่ง แต่มีอีกส่วนหนึ่ง ในอีกท้องที่หนึ่ง 
กรณีความผิดที่เกิดขึ้นได้เกิดขึ้นในท้องที่หลายท้องที่  แต่ละท้องที่มีองค์ประกอบของการเกิดขึ้นของความผิดนั้น เช่น  ดำ  ยืนอยู่บนทางเท้า ฝั่งพื้นที่  สน. เอ  ยิงแดงซึ่งยืนอยู่บนทางเท้าฝั่งพื้นที่ สน. บี    ดังนั้น ทั้งสน. เอ และ บี      มีอำนาจสอบสวน เพราะถือเป็นท้องที่ๆ เป็นองค์ประกอบของการเกิดขึ้นสำหรับความผิดนั้น 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2537 แจ้งแก้ไขข้อมูล 
เมื่อการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์เกิดที่อำเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรี แม้ความผิดฐานรับของโจรจะเกิดที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ก็เป็นความผิดที่ได้กระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยคจึงมีอำนาจสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในข้อหารับของโจรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 และเมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยค ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดกาญจนบุรีโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี


(3) เมื่อความผิดนั้นเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกัน ในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป 
เป็นกรณีที่ความผิดนั้นมิได้เกิดและสำเร็จในท้องที่เดียวกัน เช่น ความผิดฐานออกเช็คโดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค  เป็นความผิดที่ต่อเนื่องระหว่างท้องที่ของธนาคารผู้ออกเช็ค กับท้องที่ของธนาคารที่ทำการปฏิเสธการจ่ายเงิน  (๑๗๐๒-๑๗๐๓/๒๕๒๓  ปชญ.)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5103/2528

การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คการออกเช็คในท้องที่ใดย่อมถือได้ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำลงในท้องที่นั้นต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่อื่น ถือว่า จำเลยได้กระทำผิดอาญาในท้องที่ดังกล่าวต่อเนื่องกัน เมื่อได้มีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีการออกเช็คแล้ว พนักงานสอบสวนและศาลในท้องที่นั้นย่อมมีอำนาจสอบสวนและชำระคดีนี้ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยออกเช็คในท้องที่ใดและอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนที่สอบสวนคดีนี้หรือไม่ ยังไม่ได้ความแน่ชัด ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประทับฟ้องและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจึงชอบแล้ว
ระวัง !  ในกรณีที่มีการโอนเช็คเปลี่ยนมือกันก่อนนำไปเรียกเก็บเงิน  ท้องที่ที่มีการโอนเช็คไม่ถือเป็นท้องที่ที่ความผิดต่อเนื่องกับท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน  เช่น  ดำ  สั่งจ่ายเช็คให้แดงหรือผู้ถือ  ที่เขตท้องที่  สน.บางนา  แดงนำเช็คฉบับดังกล่าวโอนชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าให้เขียว ในเขตท้องที่  สน.บางพลัด  เขียวนำเช็คไปเรียกเก็บยังธนาคารถุงทอง  สาขาบางเขน  ธนาคารถุงทองสาขาบางเขนปฏิเสธการจ่ายเงิน  ท้องที่ที่มีอำนาจสอบสวนได้แก่ ท้องที่ สน.บางนา และ บางเขน  ส่วนบางพลัด  ท้องที่ๆ มีการโอนเช็คเปลี่ยนมือไม่มีอำนาจสอบสวน  (๖๕๐/๒๕๒๘)
ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ต้องหาเพื่อเรียกค่าไถ่  เป็นความผิดต่อเนื่องกันไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2526

จำเลยกับพวกบังคับหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายชาวมาเลเซียเพื่อเรียกค่าไถ่ และบังคับให้ผู้เสียหายขับรถไปส่งยังชายแดนประเทศไทยซึ่งน่าจะได้ควบคุมเข้าไปในเขตแดนไทยด้วย เพราะภูมิลำเนาของจำเลยกับพวกอยู่ในราชอาณาจักรจึงเป็นความผิดต่อเนื่องทั้งในและนอกราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ซึ่งจับจำเลย จึงมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยได้

(4) เมื่อเป็นความผิดซึ่งมีหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน 
บางครั้งในการกระทำครั้งหนึ่ง อาจมีเจตนาหลายเจตนา กระทำลงในวาระต่างๆ กัน  แต่ละวาระ แต่ละกรรม  กระทำลงในท้องที่ต่างกัน  ทุกท้องที่ที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวน 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3430/2537

จำเลยถูกกล่าวหาตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เหตุเกิดท้องที่ สภ.อ.เมืองนราธิวาส ปรากฏว่าจำเลยได้ไปแจ้งความที่ สภ.อ.สุไหงโก-ลก ว่าเช็คที่จำเลยถูกดำเนินคดีหายไป ซึ่งเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ และฉ้อโกง พนักงานสอบสวนสภ.อ. เมืองนราธิวาส ย่อมมีอำนาจสอบสวนจำเลยเกี่ยวกับความผิดฐานแจ้งความเท็จ และฉ้อโกงได้ เพราะจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(4) และโจทก์ย่อมฟ้องรวมในฟ้องเดียวกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160 ทั้งความผิดฐานแจ้งความเท็จ มีอัตราโทษเบากว่าความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แม้จะเป็นการกระทำต่างกรรมต่างสถานที่ แต่ก็ได้กระทำลงโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดคนเดียวกัน และเป็นความผิดเกี่ยวพันกันซึ่งจะฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลที่มีอำนาจชำระในฐานความผิดซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 24 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดพ.ศ. 2520 โจทก์จึงฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โดยไม่ต้องขอผัดฟ้องพร้อมกับความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่ศาลจังหวัดนราธิวาสได้

(5) เมื่อความผิดเกิดขึ้นขณะผู้ต้องหากำลังเดินทาง 
นายดำกับพวกเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพไปเชียงใหม่    ระหว่างการเดินทาง นายดำกับพวกร่วมกันเล่นการพนันอันเป็นความผิดตาม พรบ.การพนัน  พนักงานสอบสวนทุกท้องที่ ที่รถไฟแล่นผ่านมีอำนาจสอบสวน

(6) เมื่อความผิดเกิดขึ้นขณะผู้เสียหายกำลังเดินทาง 
นายเขียวเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพไปเชียงใหม่  นายเขียวถูกนายขาวลักทรัพย์บนรถไฟ 
พนักงานสอบสวนทุกท้องที่ ที่รถไฟแล่นผ่านมีอำนาจสอบสวน

ถึงแม้ว่า พนักงานสอบสวนที่มีอำนาจสอบสวนจะมีหลายท้องที่ก็ตาม แต่การสรุปสำนวนส่งฟ้อง ต้องได้กระทำโดยพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจรับผิดชอบการสอบสวนตามมาตรา  ๑๙ วรรคสาม (ก) และ (ข)  เท่านั้น   ติดตามอ่านในบทความต่อไป

3 ความคิดเห็น:

  1. prasit jaidee27/2/55 15:20

    กรณีเช็ก พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคือ สน.บางเขนถูกใหมครับ

    ตอบลบ
  2. บางเขนกับบางนามีอำนาจสอบสวน ส่วนพนักงานผู้รับผิดชอบการสอบสวนคือใครนั้น ตอบโดยใช้ข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏว่า มีการแจ้ง การจับ อยู่ที่ไหน อ่ะค่ะ ครูสร้างข้อเท็จจริงนี้ขึ้นมาเพื่ออธิบายเรื่อง อำนาจสอบสวนแต่เพียงอย่างเดียวค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ13/12/55 12:13

    กรณีผู้ต้องหากระทำผิดในท้องที่ ก. และ ท้องที่ ข. แต่ถูกจับตัวได้ใน ท้องที่ ค. พนักงานสอบสวนท้องที่ ค. มีอำนาจสอบสวน ได้หรือไม่ ?

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น