ข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด  คู่ความฝ่ายนั้นไม่ต้องมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นแห่งข้อสันนิษฐานนั้น  ตามมาตรา 84/1
มาตรา 84/1 คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตนให้คู่ความ ฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น แต่ถ้ามีข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายหรือมีข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด คู่ความฝ่ายนั้นต้องพิสูจน์เพียงว่าตนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะ ได้รับประโยชน์ จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว
ข้อสันนิษฐานของกฎหมาย  แบ่งออกเป็น  
พรบ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ บัญญัติไว้ว่า
1.  ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด  สังเกตุจากตัวบทกฎหมายจะใช้คำว่า  "ให้ถือว่า"  เช่น 
 พรบ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ บัญญัติไว้ว่า
มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เว้นแต่รัฐมนตรีได้อนุญาตเฉพาะในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
  การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามปริมาณดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
(1) เด็กซ์โตรไลเซอร์ไยด์ หรือ แอล เอส ดี มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ศูนย์จุดเจ็ดห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไปหรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่สามร้อยมิลลิกรัมขึ้นไป
(2) แอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไป
ข้อสันนิษฐานของกฎหมายชนิดนี้  คู่ความจะนำสืบหักล้างหรือให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้  ข้อสันนิษฐานที่เด็ดขาดนี้จึงอยู่ในกรณีข้อเท็จจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้  ไม่อยู่ในความหมายของข้อสันนิษฐานตามมาตรานี้
2.  ข้อสันนิษฐานที่ไม่เด็ดขาด  สังเกตุจากตัวบทกฎหมายจะใช้คำว่า  "ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า"  แต่ในบางมาตรา  ก็ไม่มีถ้อยคำบัญญัติเช่นนี้  ซึ่งนักศึกษาต้องใช้ความชำนาญในการพิจารณาจากตัวบทกฎหมายในเรื่องนั้นๆ  ข้อสันนิษฐานเช่นนี้  มีผลให้เป็นการผลักภาระการพิสูจน์ให้ตกแก่คู่ความฝ่ายที่ไม่ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน  ส่วนคู่ความฝ่ายที่ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานพิสูจน์เพียงแต่ว่าตนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะ ได้รับประโยชน์ จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว
จากมาตรา 84/1  คำว่า  "ข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์"  นั้นหมายถึง   Res ipsa loquitur ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกฎหมาย Common Law  หากจะแปลความหมายแล้ว  หมายถึง  พยานหลักฐานที่พูดได้  พยานหลักฐานที่สามารถฟ้องการกระทำได้ในตัวของมันเอง  เช่น  พบก้อนสำลีในท้องคนไข้  ก้อนสำลีนั้นฟ้องว่า แพทย์ลืมไว้ในท้องคนไข้  ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงซึ่งปรากฎจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์ ก้อนสำลีจะไม่มีทางไปอยู่ในท้องคนไข้ได้  ถ้าแพทย์ไม่ได้ลืมไว้  จะได้อธิบายอย่างละเอียดในเรื่องนี้ต่อไป
ตัวอย่างของข้อสันนิษฐานที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ได้รับความเสียหาย
มาตรา 434 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือน หรือ สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องก็ดี หรือบำรุงรักษาไม่ เพียงพอก็ดีท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ จำต้องใช้ ค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร เพื่อปัดป้องมิให้เกิดเสียหายฉะนั้นแล้ว ท่านว่าผู้เป็นเจ้าของจำต้อง ใช้ค่าสินไหมทดแทน 
มาตรานี้  ให้ประโยชน์แก่ผู้ซึ่งได้รับความเสียหายจากของตกหล่นจากโรงเรือน  โดยกฎหมายสันนิษฐานว่า  บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนไม่ดูแลรักษาซ่อมแซมโรงเรือน  เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย  บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าประมาทเลินเล่อ  หากต้องการให้ตนเองพ้นผิด  ต้องมีภาระการพิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร  เช่น  ได้แจ้งแก่เจ้าของโรงเรือนให้ซ่อมแซมแล้ว  ผู้ครองโรงเรือนจึงจะสามารถปัดความรับผิดไปให้แก่เจ้าของโรงเรือนได้  ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหาย  พิสูจน์เพียงว่าตนได้รับความเสียหายอย่างใดก็เพียงพอ
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ อย่างใด ๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบ เพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการ เสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหาย นั้นเอง
มาตรานี้  ให้ประโยชน์ในข้อสันนิษฐานแก่ฝ่ายที่เสียหาย  คือฝ่ายที่มิได้ควบคุมหรือครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล  โดยสันนิษฐานว่า  ฝ่ายที่ครอบครองหรือควบคุมฯ  นั้นประมาทเลินเล่อ  เช่น  นายดำ  ขับรถยนต์ชนนางสาวแดง  ได้รับบาดเจ็บ  นายดำ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าประมาทเลินเล่อ  ส่วนนางสาวแดงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน นางสาวแดงจึงสืบพิสูจน์เพียงว่าตนได้รับความเสียหายอย่างไรบ้างเท่านั้น  ส่วนนายดำ  ต้องสืบแก้  (ถูกผลักภาระการพิสูจน์)  ว่า  ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย  หรือเป็นเพราะนางสาวแดงผู้ต้องเสียหาย  วิ่งตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด  จึงห้ามล้อไม่ทัน
นายดำ  เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน  (หลังโฉนด)  ย่อมได้รับการสันนิษฐานตามกฎหมายไว้ก่อนว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๗๓ อันเป็นเอกสารมหาชนที่รัฐออกให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ย่อมสันนิษฐานไว้ก่อนว่าได้ออกมาโดยถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๗  เมื่อนายแดงโต้แย้งว่า  ที่ดินดังกล่าวมิใช่ของนายดำ  นายแดงต้องมีภาระการพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า  ที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ของนายดำอย่างไร  และเหตุใดนายดำจึงมีชื่อในโฉนดที่ดินได้  เพราะสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์ แล้ว  ไม่มีผู้ใดให้ผู้อื่นมีชื่อเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินโดยที่เขาไม่มีสิทธิ  ข้อสันนิษฐานดังกล่าวจึงเป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายที่มีชื่อ  ที่ต้องพิสูจน์เพียงว่า  โฉนดที่ดินนั้นเป็นเอกสารจริง  และได้ออกโดยหน่วยงานที่มีอำนาจก็เพียงพอแล้ว  
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น