เมื่อพูดถึงความรับผิดทางอาญา  อยากให้จินตนาการว่า  เรากำลังเดินเข้าสู่ห้องห้องหนึ่ง  ซึ่งมีชื่อว่า  “ห้องความผิดอาญา”  การจะเข้าห้องนี้ได้  เราต้องเปิดประตูเสียก่อน  หากตราบที่เรายังไม่ได้เปิดประตู  เราจะยังไม่มีความรับผิดใดๆ  ในเรื่องของเจตนาอยู่ในห้องนี้  ดังนั้น  หากประตูยังไม่เปิด  ไม่ต้องพิจารณาเจตนาเลย  เจตนาจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในอันดับหลัง  ไม่ใช่อันดับแรกอย่างที่เข้าใจกันทั่วไป
 มาตรา 59   บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำความโดยประมาท  ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดจะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัย และพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย
เมื่อพิจารณามาตรา 59 จะเห็นได้ว่า เรื่องของเจตนาอยู่ในวรรคสอง นี่คือจุดอ่อนของผู้ศึกษากฎหมายอาญาที่นำวรรคสองมาพิจารณาก่อนวรรคแรก ขอให้สังเกตให้ดี
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำความโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดจะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัย และพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย
เมื่อพิจารณามาตรา 59 จะเห็นได้ว่า เรื่องของเจตนาอยู่ในวรรคสอง นี่คือจุดอ่อนของผู้ศึกษากฎหมายอาญาที่นำวรรคสองมาพิจารณาก่อนวรรคแรก ขอให้สังเกตให้ดี
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำความโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
สิ่งแรกที่มาตรา 59  บัญญัติคือเรื่องของ  การกระทำ   
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำ เห็นหรือไม่ว่า สิ่งแรกเลยที่ต้องพิจารณาคือการกระทำ หากไม่มีการกระทำแล้ว ไม่ต้องพิจารณาเรื่องเจตนา ต่อเมื่อมีการกระทำแล้วจึงพิจารณาเรื่องเจตนาต่อไปในภายหลังและยังอีกห่างไกลกว่าจะไปถึงเจตนา
การกระทำ คือ การเคลื่อนไหวหรือไม่เคลื่อนไหวร่างกายภายใต้จิตใจบังคับ
การกระทำจึงมิใช่แต่การเคลื่อนไหวเท่านั้น รวมตลอดถึงการไม่เคลื่อนไหวด้วย อยู่เฉยๆ อาจติดคุกได้เช่นกัน หากเข้ากรณีตามวรรคท้าย
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำ เห็นหรือไม่ว่า สิ่งแรกเลยที่ต้องพิจารณาคือการกระทำ หากไม่มีการกระทำแล้ว ไม่ต้องพิจารณาเรื่องเจตนา ต่อเมื่อมีการกระทำแล้วจึงพิจารณาเรื่องเจตนาต่อไปในภายหลังและยังอีกห่างไกลกว่าจะไปถึงเจตนา
การกระทำ คือ การเคลื่อนไหวหรือไม่เคลื่อนไหวร่างกายภายใต้จิตใจบังคับ
การกระทำจึงมิใช่แต่การเคลื่อนไหวเท่านั้น รวมตลอดถึงการไม่เคลื่อนไหวด้วย อยู่เฉยๆ อาจติดคุกได้เช่นกัน หากเข้ากรณีตามวรรคท้าย
การเคลื่อนไหวหรือไม่เคลื่อนไหวก็ตามต้องอยู่ภายใต้จิตใจบังคับด้วย เช่น ดำยกปืนขึ้นเล็งยิงแดง ดำเคลื่อนไหวมือของดำภายใต้จิตใจของดำบังคับ หรือ ดำยกมือขึ้นแขกหัวแดง ดังนี้ ดำเคลื่อนไหวร่างกายภายใต้จิตใจของดำบังคับ แต่หาก ขาวจับมือดำยกขึ้นไปแขกหัวแดง อันนี้เห็นได้ว่า ดำมีการเคลื่อนไหว จะบอกว่าไม่มีไม่ได้ แต่การเคลื่อนไหวนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้จิตใจของดำบังคับ การกระทำจึงประกอบด้วย การเคลื่อนไหว+ใจบังคับ ดังนั้น หากไม่มีการกระทำจะไม่ต้องมีความรับผิดอาญาใดๆ เสมือนยืนอยู่หน้าประตูห้องแต่ยังไม่ได้เปิดประตู
ในบทความนี้  อยากให้ท่านที่สนใจลองตอบคำถามนี้ดูเพื่อตรวจสอบว่าท่านเข้าใจในเรื่องที่ผู้เขียนได้อธิบายไปแล้วหรือไม่
คำถาม   แม่นอนดิ้นทับลูกตาย  แม่จะต้องมีความรับผิดทางอาญาฐานใดหรือไม่
 
 
 
ผมคิดว่าถ้านอนหลับ ก็ไม่ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวใต้จิตบังคับ..ไม่ใช่การกระทำครับ ไม่ต้องรับผิด (ไพศาล)
ตอบลบที่เคยเจอคือการนอนละเมอ ไม่ถือว่าเป็นการกระทำแน่นอน แต่ที่นี้ ครูให้ข้อเท็จจริงคือนอนดิ้นชักจะไม่มั่นใจล่ะครับ
ตอบลบนอนดิ้นมีความรู้สึกตัวไม๊ มันเหมือนดิ้นดิสโก้มั้ยหล่ะ อิอิ
ตอบลบตาม ปอ. 59 วางหลักไว้ว่า บุคลจะได้รับผิดทางอาญาก็ต่อเมื่อกระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้ต้องได้รับความผิดเมื่อกระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่เจตนา ดังนั้น การที่แม่นอนดิ้นแล้วไปทับลูกตาย จึงถือว่าแม่จะต้องมีความรับผิดทางอาญา ฐานกระทำโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต
ตอบลบตอบอย่างนี้ถูกไหมคะ (นักศึกษา นิติ ปี1 มสธ.ค่ะ)