ภริยาสามีมิชอบเนื้อพึงใจกัน
เฃาจะหย่ากันไซ้ตามน้ำใจเขา เหดุว่าเฃาทังสองนั้นสิ้นบุญกันแล้ว
จะจำใจให้อยู่ด้วยกันนั้นมิได้ (อักขระตามกฎหมายเดิม)
เมื่อกล่าวถึงสามีภริยา
ชาวพุทธคงอดนึกถึงบุญเคยทำกรรมเคยแต่งร่วมกันมา ตักบาตรร่วมขัน ทำบุญร่วมชาติ สามีภริยาในความเข้าใจของชาวพุทธคือการอยู่ร่วมกันด้วยบุญ เมื่อสิ้นบุญ
ก็หมดรักกัน เหตุหย่าร้าง การนอกใจ
จึงปรากฏให้เห็นเสมอ ดังคู่ของ นายสมชายกับนางสมหญิง เรื่องราวที่เกี่ยวพันกับกฏหมายครอบครัว เรื่องรักราวและมือที่สาม จนถึงมือที่สี่
นายสมชายกับนางสมหญิง แต่งงานอยู่กินจดทะเบียนสมรสกัน อยู่กินกันมาได้ระยะหนึ่ง นายสมชายก็จับได้ว่า นางสมหญิงคบหากับนายสามฉันสามีภริยา กล่าวตามภาษากฎหมายโบราณว่า “ชู้” นายสมชายจับได้พร้อมภาพถ่าย มีหลักฐานแน่นหนา แต่นายสมชายก็มิได้ติดใจต้องการหย่าร้างกับนางสมหญิงแต่อย่างใด นายสมชายคิดว่าเมื่อเธอทำได้ฉันก็ทำได้ นายสมชายจึงได้คบหากับนางสาวสี่ฉันสามีภริยาเช่นกัน จนวันหนึ่งความทราบถึงนางสมหญิง นางสมหญิงจึงปรารภว่าจะฟ้องหย่านายสมชายและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า นางสมหญิงมีสิทธิจะทำเช่นนั้นหรือไม่ และนายสมชายสามารถใช้ข้อต่อสู้ว่านางสมหญิงเองก็มีชู้ขึ้นต่อสู้นางสมหญิงได้หรือไม่
นายสมชายกับนางสมหญิง แต่งงานอยู่กินจดทะเบียนสมรสกัน อยู่กินกันมาได้ระยะหนึ่ง นายสมชายก็จับได้ว่า นางสมหญิงคบหากับนายสามฉันสามีภริยา กล่าวตามภาษากฎหมายโบราณว่า “ชู้” นายสมชายจับได้พร้อมภาพถ่าย มีหลักฐานแน่นหนา แต่นายสมชายก็มิได้ติดใจต้องการหย่าร้างกับนางสมหญิงแต่อย่างใด นายสมชายคิดว่าเมื่อเธอทำได้ฉันก็ทำได้ นายสมชายจึงได้คบหากับนางสาวสี่ฉันสามีภริยาเช่นกัน จนวันหนึ่งความทราบถึงนางสมหญิง นางสมหญิงจึงปรารภว่าจะฟ้องหย่านายสมชายและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า นางสมหญิงมีสิทธิจะทำเช่นนั้นหรือไม่ และนายสมชายสามารถใช้ข้อต่อสู้ว่านางสมหญิงเองก็มีชู้ขึ้นต่อสู้นางสมหญิงได้หรือไม่
เมื่อชายและหญิงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันแล้วอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จะเบื่อหน่าย
ขัดใจกันอย่างไร
ก็ไม่มีสิทธิที่อีกฝ่ายจะคบหากับชายหรือหญิงอื่นฉันสามีภริยา
จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ตกลงให้อิสระภาพแก่กันด้วยการหย่าเสียก่อน
ดังนั้นเมื่อนายสมชายพบว่านางสมหญิงคบหากับชายอื่น นายสมชายมีสิทธิที่จะขอหย่า ถ้านางสมหญิงไม่ยอมหย่า
นายสมชายมีสิทธิที่จะฟ้องหย่าและเรียกค่าเสียหายจากนายสมหญิงภริยา นายสามชายชู้ได้
มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
มาตรา 1523 เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตาม มาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามี
มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง
หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และ
ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตน
มีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
แต่ปรากฏว่า นายสมชายก็ไม่ได้กระทำเช่นนั้น
แต่นายสมชายเลือกที่จะใช้วิธีที่กฏหมายไม่ได้ให้สิทธิแก่ตนคือ คบหากับนางสาวสี่และมีความสัมพันธ์กันฉันสามีภริยา แน่นอนว่า
การกระทำของนายสมชายจึงเป็นเหตุให้นางสมหญิงสามารถที่จะฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนทั้งจากนายสมชายและนางสี่ได้เช่นเดียวกัน
ปัญหาว่า ถ้านางสมหญิงฟ้องนายสมชายและนางสี่แล้ว นายสมชายจะสามารถยกข้อต่อสู้พร้อมทั้งพยานหลักฐานที่ตนเคยจับได้ว่านางสมหญิงมีชู้มาต่อสู้ในศาลได้หรือไม่
เหตุหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖
เป็นเหตุให้ฝ่ายที่ถูกกระทำละเมิดเป็นผู้ใช้สิทธิฟ้องหย่า
ไม่ใช่เหตุให้จำเลยที่ถูกฟ้องนำมาใช้เป็นข้อต่อสู้ในคดีได้ ประเด็นในคดีฟ้องหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑) มีว่า จำเลยทั้งสอง (สามีหรือภริยาแล้วแต่กรณี และชู้)
ได้กระทำการคบหากันฉันสามีภริยาหรือไม่
จำเลยจึงมีข้อต่อสู้ว่า ใช่หรือไม่ใช่
ไม่มีประเด็นให้จำเลยนำสืบว่าอีกฝ่ายก็มีชู้
หากจำเลยเห็นว่าอีกฝ่ายก็มีชู้เป็นการเสียหายแก่จำเลยอย่างไร จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิยื่นฟ้องอีกฝ่ายเป็นคดีใหม่ ดังนั้น
นายสมชายจึงไม่มีสิทธิยกข้อต่อสู้ว่านางสมหญิงมีชู้ขึ้นต่อสู้
แม้ยกขึ้นต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุทำให้นายสมชายพ้นจากความรับผิดในคดีฟ้องหย่าได้
ปัญหาว่า
นายสมชายมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานที่ตนเคยเก็บไว้ได้ฟ้องนางสมหญิงและนายสามหรือไม่
ต้องพิจารณาตามข้อยกเว้นที่จะทำให้นายสมชายไม่สามารถใช้สิทธิฟ้องนางสมหญิงได้คือ
นายสมชายได้ให้อภัยแก่นางสมหญิงแล้วหรือไม่
เมื่อทราบความว่านางสมหญิงคบชู้จึงมิได้ทำการฟ้องหย่าเสียตามกฏหมาย
มาตรา 1518 สิทธิฟ้องหย่าย่อมหมดไปในเมื่อฝ่ายที่มีสิทธิฟ้องหย่าได้
กระทำการอันแสดงให้เห็นว่าได้ให้อภัยในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็น
เหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่านั้นแล้ว
การที่นายสมชายทราบเรื่องการมีชู้ของนางสมหญิง และได้ทำการสอบสวนถามความจากนางสมหญิงแล้ว
แม้จะมิได้ติดใจฟ้องร้อง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายสมชายได้ให้อภัยแก่การกระทำของนางสมหญิงชัดแจ้งแล้ว
นายสมชายจึงยังมีสิทธิที่จะฟ้องร้องแก่นางสมหญิงและนายสามได้อยู่
คำพิพากษาฎีกาที่ 3596/2546 ศาลวินิจฉัยไว้ว่า
หากโจทก์รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยทั้งสองอยู่กินเป็นสามีภริยากันแล้วจริง
ก็ไม่มีเหตุผลใดที่โจทก์จะไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และร้องเรียนจำเลยที่ 2 ในการพิจารณาเลื่อนระดับของจำเลยที่
2 ส่วนการที่โจทก์เห็นภาพถ่ายงานพิธีมงคลสมรสระหว่างจำเลยทั้งสองแล้วมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือดำเนินการทางศาลก็ได้ความว่า
ขณะจัดงานพิธีมงคลสมรสของจำเลยทั้งสอง โจทก์ไม่ทราบเรื่อง แม้ต่อมาโจทก์เห็นภาพถ่ายดังกล่าวในภายหลังแล้วมิได้โต้แย้งคัดค้านก็ยังไม่พอฟังว่าโจทก์รู้เห็นเป็นใจ
หรือยินยอมให้จำเลยทั้งสองอยู่กินเป็นสามีภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1517 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องหย่าได้
อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีเหตุฟ้องหย่าเพราะภริยายินยอมให้สามียกย่องอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยาได้ก็ตาม
แต่เหตุฟ้องหย่าในกรณีอื่นก็ยังอาจมีได้ เช่น
กรณีทะเลาะโต้เถียงกันหากรุนแรงถึงขั้นเป็นการหมิ่นประมาท
หรือถึงขั้นที่เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง เช่น รุนแรงถึงขั้นโดนทำร้าย
ด่าขับไล่ ฯลฯ ก็อาจจะเป็นเหตุฟ้องหย่าเพราะเหตุนี้ได้.
แต่ถ้าภายหลังจากที่นายสมชายจับได้ว่านางสมหญิงมีชู้ นายสมชายก็ยังอยู่กินกับนางสมหญิงตามปกติ มีความสัมพันธ์หลับนอนกันฉันสามีภริยากันตามปกติ ไม่มีความบาดหมางใจ ยังพานางสมหญิงไปเที่ยวยังที่ต่างๆ พฤติการณ์เช่นนี้ อาจถือว่า
นายสมชายได้ให้อภัยต่อนางสมหญิงแล้ว
เหตุฟ้องหย่าของนายสมชายที่จะฟ้องหย่านางสมหญิงได้จึงหมดไป เมือนายสมชายเป็นฝ่ายก่อเหตุให้นางสมหญิงใช้สิทธิฟ้องหย่า
นายสมชายจะฟ้องกลับนางสมหญิงด้วยข้อหาว่านางสมหญิงมีชู้นั้นมิได้เลย
และถ้านายสมชายถูกศาลพิพากษาให้หย่าจากนางสมหญิงด้วยเหตุมีชู้ หรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา
นายสมชายจะต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่นางสมหญิงด้วย
มาตรา 1525 ค่าทดแทนตาม มาตรา 1523 และ มาตรา 1524 นั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์
โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งเดียวหรือแบ่ง ชำระเป็นงวด ๆ
มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้
ในกรณีที่ผู้จะต้องชำระค่าทดแทนเป็นคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่ง
ให้ศาล คำนึงถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่สมรสนั้นได้รับไปจากการแบ่งสินสมรส เพราะ
การหย่านั้นด้วย
มาตรา 1526 ในคดีหย่า
ถ้าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของคู่สมรส ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว
และการหย่านั้นจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง เพราะไม่มีรายได้พอจากทรัพย์สิน
หรือจากการงานตามที่เคยทำอยู่ระหว่าง สมรส
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะขอให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ ค่า
เลี้ยงชีพนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้
ให้และฐานะของผู้รับและให้นำบทบัญญัติ มาตรา 1598/39 มาตรา 1598/40 และ มาตรา 1598/41 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพเป็นอันสิ้นสุด
ถ้ามิได้ฟ้องหรือฟ้องแย้งในคดี หย่านั้น
แต่ถ้าต่อมาปรากฏว่านางสมหญิงได้สมรสใหม่ สิทธิในการได้รับค่าเลี้ยงชีพนั้นย่อมสิ้นสุดลง
มาตรา 1528 ถ้าฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่ สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพย่อม หมดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น