การรับรองตั๋วเงิน
มาตรา 927 อันตั๋วแลกเงินนั้นจะนำไปยื่นแก่ผู้จ่าย ณ ที่อยู่ของผู้จ่าย เพื่อให้รับรองเมื่อไร ๆ ก็ได้ จนกว่าจะถึงเวลากำหนดใช้เงิน และผู้ทรงจะเป็นผู้ยื่น หรือเพียงแต่ผู้ที่ได้ตั๋วนั้นไว้ในครอบครองจะเป็นผู้นำไปยื่นก็ได้
ในตั๋วแลกเงินนั้น ผู้สั่งจ่ายจะลงข้อกำหนดไว้ว่าให้นำยื่นเพื่อรับรองโดยกำหนดเวลาจำกัดไว้ให้ยื่น หรือไม่กำหนดเวลาก็ได้
ผู้สั่งจ่ายจะห้ามการนำตั๋วแลกเงินยื่นเพื่อรับรองก็ได้ เว้นแต่ในกรณีที่เป็นตั๋วเงินอันได้ออกสั่งให้ใช้เงินเฉพาะ ณ สถานที่อื่นใดอันมิใช่ภูมิลำเนาของผู้จ่าย หรือได้ออกสั่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่ง นับแต่ได้เห็น
อนึ่ง ผู้สั่งจ่ายจะลงข้อกำหนดไว้ว่ายังมิให้นำตั๋วยื่นเพื่อให้รับรองก่อนถึงกำหนดวันใดวันหนึ่งก็ได้
ผู้สลักหลังทุกคนจะลงข้อกำหนดไว้ว่า ให้นำตั๋วเงินยื่นเพื่อรับรองโดยกำหนดเวลาจำกัดไว้ให้ยื่น หรือไม่กำหนดเวลาก็ได้ เว้นแต่ผู้สั่งจ่ายจะได้ห้ามการรับรอง
อธิบาย การรับรอง เป็นเรื่องที่ผู้จ่ายรับหรือยืนยันการจ่ายเงินตามตั๋ว เมื่อผู้จ่ายลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินเพื่อยืนยันการจ่ายเงินตามตั๋ว ผู้จ่ายจะอยู่ในฐานะผู้รับรอง ต้องรับผิดเป็นลูกหนี้ชั้นต้นต่อผู้ทรงตั๋ว ตามมาตรา 900 และ 937 บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้จ่ายไม่อาจรับรองตั๋วได้ ถึงแม้ได้ลงชื่อรับรองตั๋วไปก็ไม่มีผลเป็นคำรับรอง
วรรคแรก ผู้ที่จะนำตั๋วไปให้ผู้จ่ายรับรองนั้นจะเป็นผู้ทรงหรือเพียงผู้ที่ได้ตั๋วนั้นไว้ในครอบครองก็ได้ ระยะเวลาที่จะให้ผู้จ่ายรับรองนั้นจะเป็นเมื่อใดก็ได้จนกว่าจะถึงเวลากำหนดใช้เงิน เช่น ตั๋วแลกเงินออกวันที่ 10 มกราคม 2550 สั่งจ่ายวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2550 ดังนั้น ระหว่างวันที่ 10 มกราคม ถึง ก่อนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2550 ผู้ทรงจะนำตั๋วไปให้ผู้จ่ายรับรองเมื่อใดก็ได้
วรรคสอง ผู้สั่งจ่ายจะลงข้อกำหนดไว้ว่าให้นำยื่นเพื่อรับรองโดยกำหนดเวลาจำกัดไว้ให้ก็ได้ เช่น ผู้สั่งจ่ายอาจกำหนดระยะเวลาให้ผู้ทรงนำตั๋วไปยื่นแก่ผู้จ่ายเพื่อรับรองภายใน 15 วัน ผู้ทรงต้องนำไปยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
วรรคสาม ผู้สั่งจ่ายจะห้ามการนำตั๋วแลกเงินยื่นเพื่อรับรองก็ได้ เว้นแต่ถ้าเป็นตั๋วแลกเงินอันได้ออกสั่งให้ใช้เงินเฉพาะ ณ สถานที่อื่นใดอันมิใช่ภูมิลำเนาของผู้จ่าย หรือได้ออกสั่งให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่ง นับแต่ได้เห็น ผู้สั่งจ่ายจะห้ามไม่ให้ผู้ทรงนำตั๋วไปยื่นเพื่อรับรองไม่ได้
วรรคสี่ ผู้สั่งจ่ายจะลงข้อกำหนดไว้ว่ายังมิให้นำตั๋วยื่นเพื่อให้รับรองก่อนถึงกำหนดวันใดวันหนึ่งก็ได้ เช่น ผู้สั่งจ่ายห้ามผู้ทรงนำตั๋วไปยื่นเพื่อให้ผู้จ่ายรับรองก่อนวันที่ 15 มกราคม 2550 ดังนั้น ก่อนวันที่ดังกล่าวผู้ทรงจะนำตั๋วไปยื่นเพื่อให้ผู้จ่ายรับรองไม่ได้
วรรคท้าย เป็นการให้สิทธิแก่ผู้สลักหลัง โดยผู้สลักหลังทุกคนจะลงข้อกำหนดไว้ว่า ให้นำตั๋วเงินยื่นเพื่อรับรองโดยกำหนดเวลาจำกัดไว้ให้ยื่น หรือไม่กำหนดเวลาก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าผู้สั่งจ่ายจะได้ห้ามการรับรอง ผู้สลักหลังจะลงข้อความดังกล่าวไม่ได้
แบบของการรับรอง
มาตรา 931 การรับรองนั้นพึงกระทำด้วยเขียนลงไว้ในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินเป็นถ้อยคำสำนวนว่า "รับรองแล้ว" หรือความอย่างอื่นทำนองเช่นเดียวกันนั้น และลงลายมือชื่อของผู้จ่าย อนึ่งแต่เพียงลายมือชื่อของผู้จ่ายลงไว้ในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงิน ท่านก็จัดว่าเป็นคำรับรองแล้ว
อธิบาย แบบของการรับรอง
1. เขียนลงไว้ในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินเป็นถ้อยคำสำนวนว่า "รับรองแล้ว" หรือความอย่างอื่นทำนองเช่นเดียวกันนั้น เช่น “รับรองการใช้เงิน” “ยินยอมใช้เงิน” และลงลายมือชื่อของผู้จ่าย
2. ผู้จ่ายลงไว้ในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงิน บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้จ่ายแม้ลงลายมือชื่อด้านหน้าไม่จัดเป็นคำรับรอง แต่อาจเป็นการอาวัลหรือเป็นผู้สอดเข้าแก้หน้าได้
ประเภทของการรับรอง
มาตรา 935 อันการรับรองนั้นย่อมมีได้สองสถาน คือรับรองตลอดไป หรือรับรองเบี่ยงบ่าย
การรับรองตลอดไป คือยอมตกลงโดยไม่แก้แย้งคำสั่งของผู้สั่งจ่ายแต่อย่างหนึ่งอย่างใดเลย
ส่วนการรับรองเบี่ยงบ่ายนั้น กล่าวเป็นเนื้อความทำผลแห่งตั๋วเงินให้แผกไปจากที่เขียนสั่งไว้
กล่าวโดยเฉพาะก็คือว่า ถ้าคำรับรองมีเงื่อนไขก็ดี หรือรับรองแต่เพียงบางส่วนก็ดีท่านว่าเป็นรับรองเบี่ยงบ่าย
อธิบาย ประเภทของการรับรองมี 2 ประเภท คือ
1. การรับรองตลอดไป คือ การที่ผู้จ่ายยอมตกลงโดยจ่ายเงินตามตั๋ว โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขใดๆ ในการจ่ายเงินเลย
2. การรับรองเบี่ยงบ่ายนั้น คือ การที่ผู้จ่ายรับรองการจ่ายเงินเพียงบางส่วน เช่นตั๋วมูลค่า 50,000 บาท ผู้จ่ายรับรองการจ่ายเพียง 40,000 บาท หรือ จ่าย แบบมีเงื่อนไขตามวรรคท้าย เช่น ผู้จ่ายจะจ่ายเงินต่อเมื่อมีเงินเหลือพอจ่าย หรือจ่ายเงินต่อเมื่อสร้างบ้านเสร็จและได้ตรวจรับงานไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
มาตรา 936 คำรับรองเบี่ยงบ่ายนั้น ผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะบอกปัดเสียก็ได้ และถ้าไม่ได้คำรับรองอันไม่เบี่ยงบ่าย จะถือเอาตั๋วเงินนั้นเป็นอันขาดความเชื่อถือรับรองก็ได้
ถ้าผู้ทรงรับเอาคำรับรองเบี่ยงบ่าย และผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังมิได้ให้อำนาจแก่ผู้ทรงโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายให้รับเอาคำรับรองเบี่ยงบ่ายเช่นนั้นก็ดีหรือไม่ยินยอมด้วยในภายหลังก็ดี ท่านว่าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้นๆย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามตั๋วเงินนั้น แต่บทบัญญัติทั้งนี้ท่านมิให้ใช้ไปถึงการรับรองแต่บางส่วน ซึ่งได้บอกกล่าวก่อนแล้วโดยชอบ
ถ้าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังตั๋วเงินรับคำบอกกล่าวการรับรองเบี่ยงบ่ายแล้วไม่โต้แย้งไป
ยังผู้ทรงภายในเวลาอันสมควร ท่านให้ถือว่าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้นเป็นอันได้ยินยอมด้วยกับการนั้นแล้ว
อธิบาย วรรคแรก คำรับรองเบี่ยงบ่ายนั้น กฎหมายให้สิทธิผู้ทรงตั๋วแลกเงินที่จะจะบอกปัดเสียก็ได้ และถือว่าตั๋วเงินนั้นเป็นอันขาดความเชื่อถือเพราะผู้จ่ายไม่รับรอง เป็นผลให้ผู้ทรงมีสิทธิทำคำคัดค้านและไล่เบี้ยคู่สัญญาในตั๋วเงินก่อนตั๋วถึงกำหนดได้
วรรคสอง ถ้าผู้ทรงรับเอาคำรับรองเบี่ยงบ่าย และผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังมิได้ให้อำนาจไว้หรือไม่ยินยอมด้วยในภายหลัง ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังดังกล่าวนั้นย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามตั๋วเงินนั้น
แต่บทบัญญัติทั้งนี้ท่านมิให้ใช้ไปถึงการรับรองเบี่ยงบ่ายบางส่วน ซึ่งผู้ทรงได้บอกกล่าวไปยังผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังเสียก่อนแล้ว ไม่ว่าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังจะยินยอมหรืออนุญาตหรือไม่ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังก็ไม่หลุดพ้นความรับผิด
วรรคท้าย เป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาด ว่าหากผู้ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังตั๋วเงินรับคำบอกกล่าวการรับรองเบี่ยงบ่ายแล้วไม่โต้แย้งไปยังผู้ทรงภายในเวลาอันสมควร ให้ถือว่าผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังนั้นเป็นอันได้ยินยอมด้วยกับการรับเอาการรับรองแบบเบี่ยงบ่ายนั้นแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น