ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
มาตรา 144
เมื่อศาลใดมีคำพิพากษา
หรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว
ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดนั้น
เว้นแต่กรณีจะอยู่ภายใต้บังคับบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วย
(1)
การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ
ตามมาตรา 143
(2) การพิจารณาใหม่แห่งคดีซึ่งได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปฝ่ายเดียวตามมาตรา
209 และคดีที่เอกสารได้สูญหายหรือบุบสลายตามมาตรา 53
(3)
การยื่น การยอมรับ หรือไม่ยอมรับ ซึ่งอุทธรณ์หรือฎีกาตามมาตรา 229
และ 247 และการดำเนินวิธีบังคับชั่วคราวในระหว่างการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาตามมาตรา 254 วรรคสุดท้าย
(4)
การที่ศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ส่งคดีคืนไปยังศาลล่าง ที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้น เพื่อให้พิพากษาใหม่หรือพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามมาตรา
243
(5)
การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 302
ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะบังคับตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 16 และ 240 ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยศาลอื่นแต่งตั้ง
หลักเกณฑ์สำคัญ
1.
ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีไปแล้ว (ประเด็นเดียวกัน)
2.
ต้องเป็นคู่ความเดียวกัน (กลับกันเป็นโจทก์จำเลยได้)
3.
คำพิพากษาไม่จำต้องถึงที่สุด
4.
เป็นการดำเนินซ้ำในคดีเดิมได้ ต่างคดีก็ได้
5.
ห้ามคู่ความ
ห้ามศาล
ฎีกาที่ 2773/2529 คดีก่อน จำเลยที่ 1 ฟ้องกรมตำรวจโจทก์ในคดีนี้กับพวกเป็นจำเลยว่า
โจทก์ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 ก่อสร้างอาคารที่ทำการกองบัญชา
การศึกษาของโจทก์
และโจทก์ได้สั่งให้ระงับการก่อสร้างเนื่องจากโจทก์ได้ออกแบบแปลนตัวอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของเอกชนโดยผิดพลาดให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย คดีจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ และจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1 เท่าใด
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา
แต่ให้ยกฟ้องเพราะจำเลยที่ 1
ยังไม่มีสิทธิบอกกล่าวเลิกสัญญากับโจทก์ จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีนี้ว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาก่อสร้างฉบับเดียวกันโดยอ้างเหตุเช่นเดียวกับคดีก่อนว่าโจทก์ออกแบบแปลนตัวอาคารผิดพลาด
ต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินของเอกชนดังกล่าวแล้ว จึงขอให้จำเลยก่อสร้างอาคารต่อไปแต่จำเลยไม่ก่อสร้าง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสีย
หายแก่โจทก์ดังนี้
มูลคดีทั้งสองคดีว่าคู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยอาศัยเหตุเรื่องรุกล้ำที่ดินเป็นข้อสำคัญของคดี
จึงเป็นคดีที่มีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้
จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนต้องห้ามตามม.144 มิใช่เป็นการฟ้องซ้ำตาม ม.148 เพราะขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้
คดีก่อนอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกายังมิได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแม้ศาลชั้นต้นจะรอคดีนี้ไว้ เพื่อฟังผลของคดีก่อนจนถึงที่สุดก็ตาม
หมายเหตุ ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีแรกยังไม่ถึงไม่ถึงที่สุด
และไม่เป็นฟ้องซ้อนเพราะโจทก์คนละคนกันแต่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ฎีกาที่ 15/2538 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น
จำเลยกลับฟ้องโจทก์ให้ออกไปจากที่พิพาทรายเดียวกัน โจทก์ให้การว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
คดีทั้งสองมีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นในคดีหลังพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นของจำเลย
ฟ้องของโจทก์ในคดีแรกจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 144
ข้อสังเกต ฎีกานี้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีหนึ่ง จำเลยฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง โดยมีประเด็นข้อพิพาทเป็นอย่างเดียวกัน เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีใดคดีหนึ่ง
มีผลทำให้ในอีกคดีหนึ่งเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีซ้ำโดยไม่จำต้องคำนึงว่า
คดีที่ศาลพิพากษาฟ้อง ก่อนหรือฟ้องหลัง (ขณะยื่นฟ้องไม่เป็นดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ไม่เป็นฟ้องซ้อน ศาลจึงต้องรับฟ้อง
ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาคดีหนึ่งแล้วจึงจะทำให้อีกคดีหนึ่งเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำทันที)
ขอโทดครับ ถ้ามีปัญหาเรื่องสุนัขไปกัดคนอื่น
ตอบลบอยากจะปรึกษาทางเมลได้ไหมคับ