หักกลบลบหนี้
เป็นวิธีการหนึ่งซึ่งจะทำให้เกิดความระงับแห่งหนี้ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ วิธีการ
ระยะเวลาที่จะหักกลบลบกันได้ และข้อห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
มาตรา
341 ถ้าบุคคลสองคนต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดย
มูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน และหนี้ทั้งสองรายนั้นถึงกำหนด จะชำระไซร้
ท่านว่าลูกหนี้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ย่อมจะหลุดพ้นจากหนี้
ของตนด้วยหักกลบลบกันได้เพียงเท่าจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ทั้งสอง ฝ่ายนั้น เว้นแต่สภาพแห่งหนี้ฝ่ายหนึ่งจะไม่เปิดช่องให้หักกลบลบกันได้
บทบัญญัติดั่งกล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ หากเป็น การขัดกับเจตนาอันารคู่กรณีได้แสดงไว้ แต่เจตนาเช่นนี้ท่านห้ามมิให้ ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต
บทบัญญัติดั่งกล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ หากเป็น การขัดกับเจตนาอันารคู่กรณีได้แสดงไว้ แต่เจตนาเช่นนี้ท่านห้ามมิให้ ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต
หลักเกณฑ์สำคัญในการหักกลบลบหนี้
การจะนำหนี้มาหักกลบลบกันได้นั้น จะต้องปรากฏว่า บุคคลทั้งสองฝ่ายต่างมีความผูกพันต่อกันในฐานะต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกัน เช่น ดำ กู้เงินแดง ๕๐๐๐ บาท ต่อมาแดงมาซื้อของร้านดำเป็นจำนวนเงิน ๓๐๐๐ บาท เช่นนี้จะเห็นว่า ดำเป็นลูกหนี้เงินกู้แดง และแดงก็เป็นลูกหนี้ค่าสินค้าดำ กรณีเช่นนี้ ดำและแดงสามารถนำยอดหนี้ที่ทั้งสองฝ่ายต่างค้างชำระต่อกัน เป็นจำนวนที่ตรงกันมาหักกลบลบกันได้ คือ ๓๐๐๐ บาท
การจะนำหนี้มาหักกลบลบกันได้ ต้องปรากฏว่า หนี้นั้นต้องมีวัตถุแห่งหนี้เป็นอย่างเดียวกัน เช่น หนี้เงินกับหนี้เงิน แม้ว่าจะมาจากมูลหนี้คนละมูลกัน ดังตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าเป็นหนี้เงินเหมือนกัน แต่หนี้ที่แดงต้องชำระแก่ดำเป็นหนี้ที่มาจากมูลหนี้กู้ยืม ส่วนหนี้ที่ดำต้องชำระแก่แดงเป็นหนี้ที่มาจากมูลหนี้ซื้อขาย หรือกรณีวัตถุแห่งหนี้เป็นสังกมะทรัพย์ ต้องเป็นสังกมะทรัพย์ชนิดเดียวกันหรือใช้แทนกันได้ (กล่าวคือมีค่าและราคาประมาณเดียวกัน) ก็สามารถหักกลบลบกันได้ เช่น ข้าวสารกับข้าวเหนียว แต่ข้าวกับเกลือ มีราคาต่างกันจะนำมาหักกลบลบกันไม่ได้
การจะนำหนี้มาหักกลบลบกันได้นั้น จะต้องปรากฏว่า บุคคลทั้งสองฝ่ายต่างมีความผูกพันต่อกันในฐานะต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกัน เช่น ดำ กู้เงินแดง ๕๐๐๐ บาท ต่อมาแดงมาซื้อของร้านดำเป็นจำนวนเงิน ๓๐๐๐ บาท เช่นนี้จะเห็นว่า ดำเป็นลูกหนี้เงินกู้แดง และแดงก็เป็นลูกหนี้ค่าสินค้าดำ กรณีเช่นนี้ ดำและแดงสามารถนำยอดหนี้ที่ทั้งสองฝ่ายต่างค้างชำระต่อกัน เป็นจำนวนที่ตรงกันมาหักกลบลบกันได้ คือ ๓๐๐๐ บาท
การจะนำหนี้มาหักกลบลบกันได้ ต้องปรากฏว่า หนี้นั้นต้องมีวัตถุแห่งหนี้เป็นอย่างเดียวกัน เช่น หนี้เงินกับหนี้เงิน แม้ว่าจะมาจากมูลหนี้คนละมูลกัน ดังตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าเป็นหนี้เงินเหมือนกัน แต่หนี้ที่แดงต้องชำระแก่ดำเป็นหนี้ที่มาจากมูลหนี้กู้ยืม ส่วนหนี้ที่ดำต้องชำระแก่แดงเป็นหนี้ที่มาจากมูลหนี้ซื้อขาย หรือกรณีวัตถุแห่งหนี้เป็นสังกมะทรัพย์ ต้องเป็นสังกมะทรัพย์ชนิดเดียวกันหรือใช้แทนกันได้ (กล่าวคือมีค่าและราคาประมาณเดียวกัน) ก็สามารถหักกลบลบกันได้ เช่น ข้าวสารกับข้าวเหนียว แต่ข้าวกับเกลือ มีราคาต่างกันจะนำมาหักกลบลบกันไม่ได้
หนี้เงินจะนำมาหักกลบลบกับสังกมะทรัพย์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2500
|
จำเลยจะขอให้ศาลหักกลบลบหนี้เงินที่จำเลยติดค้างโจทก์และค่าเช่ากระบือที่ค้างอยู่
กับข้าวเปลือกของโจทก์ที่ฝากจำเลย
และซึ่งจำเลยจะต้องส่งมอบคืนแก่โจทก์ไม่ได้เพราะมูลหนี้ไม่เป็นวัตถุอย่างเดียวกัน
ระยะเวลาที่จะขอหักกลบลบหนี้กันได้นั้น
ต้องปรากฏว่า หนี้ทั้งสองรายต่างถึงกำหนดชำระแล้ว
เช่น หนี้เงินกู้ที่แดงไปกู้ดำ
ถึงกำหนดชำระวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕ หนี้ค่าสินค้าที่ดำไปซื้อจากแดง ถึงกำหนดชำระวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๕๕ ดังนี้
ทั้งสองจะแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้และมีผลเป็นการหักกลบลบหนี้กันได้ต่อเมื่อถึงวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๕๕
หรือหลังจากนั้นเท่านั้น
จะขอหักกลบลบหนี้กันก่อนหน้านี้ไม่ได้
สภาพแห่งหนี้ต้องเปิดช่องให้ ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้หักกลบลบกันได้
ก็ไม่สามารถจะหักกลบลบกันได้ แม้ว่าวัตถุแห่งหนี้จะเป็นอย่างเดียวกันก็ตาม เช่น
ดำและแดง ต่างมีหนี้ต้องส่งมอบรถยนต์ให้แก่กัน แม้วัตถุแห่งหนี้จะเป็นอย่างเดียวกันคือหนี้ส่งมอบ ทรัพย์เป็นประเภทเดียวกันคือรถยนต์ แต่ก็หักกลบลบกันไม่ได้
เพราะรถยนต์ย่อมมีความต่างกันในยี่ห้อ
ในสภาพ ในราคาของตัวรถ หรือ หนี้ที่มีวัตถุประสงค์เป็นหนี้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการจะนำมาหักกลบลบกันไม่ได้
เพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ เช่น
ดำมีหนี้ต้องร้องเพลงให้ในงานวันเกิดแดง
ส่วนแดงต้องวาดภาพให้ดำ
จะนำหนี้กระทำการร้องเพลงและวาดภาพมาหักกลบลบกันไม่ได้
แม้จะมีวัตถุแห่งหนี้เป็นหนี้กระทำการเหมือนกันก็ตาม
การแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้
มาตรา 342 หักกลบลบหนี้นั้น ทำได้ด้วยคู่กรณีฝ่ายหนึ่งแสดง เจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง การแสดงเจตนาเช่นนี้ท่านว่าจะมีเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสิ้นสุดอีกด้วยหาได้ไม่
การแสดงเจตนาดั่งกล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านว่ามีผลย้อนหลัง ขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็น ครั้งแรก
มาตรา 342 หักกลบลบหนี้นั้น ทำได้ด้วยคู่กรณีฝ่ายหนึ่งแสดง เจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง การแสดงเจตนาเช่นนี้ท่านว่าจะมีเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสิ้นสุดอีกด้วยหาได้ไม่
การแสดงเจตนาดั่งกล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านว่ามีผลย้อนหลัง ขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็น ครั้งแรก
การหักกลบลบหนี้นั้น
ไม่จำเป็นว่าจะต้องได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งก่อนจึงจะหักกลบลบกันได้
แม้ว่าจะทำการหักกลบลบหนี้โดยขืนใจอีกฝ่ายหนึ่งก็ตาม
และการแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้กฏหมายไม่ได้กำหนดแบบของสัญญาไว้ จะทำโดยวาจาก็ได้
ฎีกาที่ 2163/2548 ป.พ.พ. มาตรา 341 วรรคหนึ่ง ไม่ได้กำหนดว่า การหักกลบลบหนี้จะต้องได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งก่อน เมื่อบริษัท บ. เป็นลูกหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันและหนี้ดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่ยอมชำระ จึงถือว่าลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนลูกหนี้ และจำเลยตกเป็นลูกหนี้ของโจทก์ตั้งแต่เวลาที่ลูกหนี้ผิดนัดเป็นต้นไป ในขณะเดียวกันโจทก์ก็เป็นลูกหนี้ของจำเลยตามมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งหนี้ดังกล่าวก็ถึงกำหนดชำระแล้วเช่นกัน เมื่อขณะที่จำเลยทำสัญญาค้ำประกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้แสดงเจตนาไม่ให้นำหนี้ที่มีอยู่ต่อกันนั้นมาหักกลบลบกัน จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำหนี้ดังกล่าวมาหักกลบลบกันได้ โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ หนี้ที่ยังมีข้อต่อสู้ที่นำมาหักกลบลบหนี้ไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 344 หมายถึงหนี้ที่ฝ่ายหนึ่งอ้างแล้วอีกฝ่ายหนึ่งมีข้อโต้แย้งไม่ยอมรับในข้อสาระสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบถึงความรับผิดชอบในหนี้ดังกล่าวหรือจำนวนหนี้ที่จะต้องรับผิด จำเลยได้แสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์ ขอให้นำหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจำนวน 9,119,733.86 บาท หักกลบลบกันกับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 20,000,000 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2540 แต่โจทก์ยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการและศาลได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของโจทก์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2542 การหักกลบลบหนี้จึงเกิดขึ้นและมีผลโดยสมบูรณ์ไปก่อนที่จะมีการฟื้นฟูกิจการของโจทก์ หนี้ที่มีอยู่แต่ละฝ่ายระงับไปเท่ากับจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ซึ่งในขณะนั้นมูลหนี้ที่จำเลยนำไปขอหักกลับยังคงมีอยู่และยังมิได้ระงับไป แม้ต่อมาภายหลังจำเลยได้นำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 20,000,000 บาท ไปยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีที่โจทก์ขอฟื้นฟูกิจการ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้จำเลยได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน ก็ไม่ทำให้การหักกลบลบหนี้ดังกล่าวระงับหรือสิ้นผลไป
ฎีกาที่ 2163/2548 ป.พ.พ. มาตรา 341 วรรคหนึ่ง ไม่ได้กำหนดว่า การหักกลบลบหนี้จะต้องได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งก่อน เมื่อบริษัท บ. เป็นลูกหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันและหนี้ดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่ยอมชำระ จึงถือว่าลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนลูกหนี้ และจำเลยตกเป็นลูกหนี้ของโจทก์ตั้งแต่เวลาที่ลูกหนี้ผิดนัดเป็นต้นไป ในขณะเดียวกันโจทก์ก็เป็นลูกหนี้ของจำเลยตามมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งหนี้ดังกล่าวก็ถึงกำหนดชำระแล้วเช่นกัน เมื่อขณะที่จำเลยทำสัญญาค้ำประกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้แสดงเจตนาไม่ให้นำหนี้ที่มีอยู่ต่อกันนั้นมาหักกลบลบกัน จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำหนี้ดังกล่าวมาหักกลบลบกันได้ โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ หนี้ที่ยังมีข้อต่อสู้ที่นำมาหักกลบลบหนี้ไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 344 หมายถึงหนี้ที่ฝ่ายหนึ่งอ้างแล้วอีกฝ่ายหนึ่งมีข้อโต้แย้งไม่ยอมรับในข้อสาระสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบถึงความรับผิดชอบในหนี้ดังกล่าวหรือจำนวนหนี้ที่จะต้องรับผิด จำเลยได้แสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์ ขอให้นำหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจำนวน 9,119,733.86 บาท หักกลบลบกันกับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 20,000,000 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2540 แต่โจทก์ยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการและศาลได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของโจทก์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2542 การหักกลบลบหนี้จึงเกิดขึ้นและมีผลโดยสมบูรณ์ไปก่อนที่จะมีการฟื้นฟูกิจการของโจทก์ หนี้ที่มีอยู่แต่ละฝ่ายระงับไปเท่ากับจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ซึ่งในขณะนั้นมูลหนี้ที่จำเลยนำไปขอหักกลับยังคงมีอยู่และยังมิได้ระงับไป แม้ต่อมาภายหลังจำเลยได้นำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 20,000,000 บาท ไปยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีที่โจทก์ขอฟื้นฟูกิจการ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้จำเลยได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน ก็ไม่ทำให้การหักกลบลบหนี้ดังกล่าวระงับหรือสิ้นผลไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2516
|
การหักกลบลบหนี้นั้น
แม้จำเลยจะแสดงเจตนาไปฝ่ายเดียวก็เป็นอันหักกลบลบหนี้กันได้
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์
กำหนดชำระภายในวันที่ 1 เมษายน 2497 และโจทก์เป็นหนี้ค่าจ้างว่าความจำเลยอยู่สองคดี
คดีแรกคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2501 คดีที่สองคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2504
ดังนี้
จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่อาจหักกลบลบหนี้ได้แม้จำเลยจะได้แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์เมื่อวันที่
22 กันยายน 2505 ซึ่งสิทธิเรียกร้องชำระหนี้ค่าจ้างว่าความของจำเลยขาดอายุความแล้วก็ตาม
แต่สิทธิในการหักกลบลบหนี้ของจำเลยย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 344 และการแสดงเจตนาของจำเลยดังกล่าวก็มีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 342 วรรค 2 กล่าวคือ หนี้ค่าจ้างว่าความคดีแรกย้อนไปถึง พ.ศ.2501 หนี้ค่าจ้างว่าความคดีที่สอง ย้อนไปถึง พ.ศ.2504 ซึ่งสิทธิเรียกร้องของจำเลยยังไม่ขาด
จึงหักกลบลบกันกับหนี้เงินกู้ของโจทก์หมดสิ้นแล้ว
ไม่มีหนี้ที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2523
|
ผู้ค้ำประกันลูกหนี้ต่อธนาคารมีเงินฝากในธนาคารเจ้าหนี้ลูกหนี้ผิดนัดผู้ค้ำประกันต้องรับผิดต่อธนาคาร
ธนาคารหักเงินของผู้ค้ำประกันที่ฝากไว้กับธนาคารนั้นเมื่อใดก็ได้
การหักกลบลบหนี้จะกระทำโดยมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาไม่ได้ กล่าวคือ
การหักกลบลบหนี้จะต้องกระทำโดยปราศจากเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา
ไม่ว่าจะหักกลบลบหนี้กันล่ากว่าวันที่หนี้ทั้งสองฝ่ายถึงกำหนดชำระแล้วเพียงใด
การหักกลบลบหนี้นั้นก็ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่หนี้ของทั้งสองฝ่ายถึงกำหนดชำระ เช่น
ตามตัวอย่างข้างต้น
ดำและแดงมิได้แสดงเจตนาหักกลบลบหนี้กันในวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๕๕ แต่มาแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้กันวันที่ ๑๕ พฤษภาคม
๒๕๕๕ ก็ให้ถือว่า
หนี้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันระงับไปตั้งแต่วันที่
๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ จึงมีผลให้ไม่มีการคิดดอกเบี้ยระหว่างกันนับตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ เพราะถือว่าหนี้ระงับไปตั้งแต่วันดังกล่าวแล้ว
บทความต่อไปจะได้กล่าวถึงข้อห้ามในการหักกลบลบหนี้
อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก
การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
บทความต่อไปจะได้กล่าวถึงข้อห้ามในการหักกลบลบหนี้
อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก
การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น