วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

ห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ม.๒๒๔ ป.วิแพ่ง ตอนที่ ๒


การอ่านบทความนี้ ควรอ่านบทความในตอนที่ ๑ เสียก่อน
http://natjar2001law.blogspot.com/2012/02/blog-post_29.html

คดีมีทุนทรัพย์  ไม่มีทุนทรัพย์
            คดีมีทุนทรัพย์  คือคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้  เช่นคดีพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์เกี่ยวกับอสังฯ หรือสังฯ คดีเรียกทรัพย์คืน  หรือให้ใช้ราคาทรัพย์  คดีพิพาทตามสัญญาต่าง ๆ โดยมีการเรียกร้องให้ชำระหนี้ เช่นสัญญากู้ยืมเงิน  สัญญาจ้างแรงงาน  จ้างทำของ  หรือละเมิด
            คดีไม่มีทุนทรัพย์  คือคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้  เช่นคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินหรือมิได้เรียกร้องเอาทรัพย์คืนหรือให้ใช้ราคาทรัพย์แก่ตน  แต่เป็นกรณีคู่ความต้องการให้ศาลรับรองคุ้มครองให้  เช่นคดีที่โจทก์ขอลงชื่อในกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย  คดีร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดก  เพิกถอนการฉ้อฉล  โดยให้ทรัพย์กลับมาเป็นของลูกหนี้มิใช่ของตน

 

 

ตัวอย่างคดีมีทุนทรัพย์

ฎีกาที่  5332/34   โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ  อันเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมา   เป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท   จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
ฎีกาที่  919/08   โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ฟ้องเช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้  เพราะคำขอของโจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอาที่พิพาทมาเป็นของโจทก์  หรือขอให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดผลของการที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล  มีแต่เพียงให้ทรัพย์สินกลับคืนมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น
จำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนเพิกถอนชื่อออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์  และขับไล่จำเลยที่ 2 ออกไป กับให้จำเลยที่ 1 โอนชื่อทางทะเบียนให้แก่โจทก์ทั้งสองจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า  จำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ และเข้าครอบครองทำประโยชน์เป็นเวลา 4 ปี 9 เดือนเศษ  โจทก์ทั้งสองมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทและขัดขวางจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด  ดังนี้ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า  ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองหรือเป็นของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์  แม้โจทก์ทั้งสองจะมีคำขอให้จำเลยที่ เพิกถอนชื่อออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์กับให้จำเลยที่ โอนชื่อทางทะเบียนให้แก่โจทก์ทั้งสองก็เป็นผลต่อเนื่องในเรื่องที่ดินพิพาทเป็นของใคร  ถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขออันไม่มีทุนทรัพย์แยกกันได้จากคำขอที่เป็นทุนทรัพย์   เมื่อราคาที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท   ย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ..มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ฎีกาที่  2745/32   โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งจำเลยได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะ และให้จำเลยออกโฉนดที่พิพาทให้โจทก์  ดังนี้ เป็นการฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
ฎีกาที่  121/42      โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท       ซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยยกให้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน  จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้ยกที่พิพาทให้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน   ที่พิพาทเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือเป็นของจำเลย   หากที่พิพาทเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินโจทก์ย่อมมีอำนาจปกปักรักษาตามกฎหมาย  ถ้าจำเลยชนะคดีย่อมมีผลให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท  ประโยชน์ที่โจทก์หรือจำเลยจะได้รับย่อมเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นการพิพาทด้วยเรื่องความเป็นเจ้าของแห่งที่พิพาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
ฎีกาที่  1042/38   การที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองชำระค่าสินค้าตามฟ้องครบถ้วนแล้วเป็นการโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยทั้งสองยังไม่ได้ชำระค่าสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันชำระค่าสินค้าและดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ ดังนั้นฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์   133,061  บาท จึงต้องห้ามฎีกา
            ฎีกาของจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับฟ้องแย้งนั้น เป็นการฟ้องแย้งขอให้โจทก์ส่งมอบใบสำคัญรับบิลอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ของโจทก์จำนวน 123,119 บาทถือได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามจำนวนหนี้ในใบสำคัญรับบิลดังกล่าว จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ 123,119 บาท  จึงเป็นคดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทฎีกาไม่เกินสองแสนบาท  จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
ฎีกาที่  346/36   กรณีพิพาทกันในชั้นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ถือว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือที่เรียกว่าคดีมีทุนทรัพย์ และทุนทรัพย์ก็คือจำนวนเงินตามที่โจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้
ฎีกาที่  853/17    โจทก์ฟ้องว่าได้ตกลงจำนองที่ดินไว้กับจำเลยแต่ได้ทำเป็นสัญญาขายฝากซึ่งเป็นนิติกรรมอำพราง    ดังนี้ เป็นการฟ้องเรียกเอาคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยอ้างว่านิติกรรมที่ทำไว้ต่อกัน เสื่อมเสียเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
ฎีกาที่  1176/05   โจทก์ฟ้องว่าตนมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย   มีที่ดินมีโฉนด แปลงแต่จำเลยอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้จำเลยโจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าพินัยกรรมที่จำเลยอ้างเป็นโมฆะดังนี้ ถือว่าโจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์แล้วจึงมีอำนาจฟ้องได้ และคดีเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์
หมายเหตุ   ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับการฟ้องขอให้เพิกถอนต่าง ๆ ดูว่าถ้าศาลเพิกถอนแล้วโจทก์จะได้ทรัพย์สินนั้นกลับมาเป็นของโจทก์อีกครั้ง  เป็นคดีมีทุนทรัพย์


คดีไม่มีทุนทรัพย์

คำสั่งคำร้องที่  513/00   ฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่ใช่การฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลย แต่เป็นการฟ้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด  เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
ฎีกาที่ 1054/09  โจทก์อ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทฟ้องขับไล่ให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาท  จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยจำเลยปลูกบ้านเรือนอยู่โดยอาศัยสิทธิของมารดาเมื่อ จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างว่าที่พิพาทนั้นเป็นของจำเลยจึงไม่เป็นการกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์   จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
ฎีกาที่  1216/22  คดี จ...ขอให้เพิกถอนการโอนและการฉ้อฉล   มีผลให้ทรัพย์สินกลับคืนเป็นของลูกหนี้ตามเดิม  มิได้เรียกร้องทรัพย์หรือรับประโยชน์เพิ่มขึ้น เป็นคดีคำขอปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินไม่ได้  ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
-     ฟ้องห้ามมิให้จำเลยกระทำการให้เกิดเสียงหรือกลิ่นที่น่ารำคาญเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์แม้จะเรียกค่าเสียหายมาด้วย  ดูที่คำขอประธานเป็นหลัก
ฎีกาที่  2153/20  ฟ้องขอให้ห้ามมิให้ทำเสียงดัง  ส่งกลิ่นเดือดร้อนรำคาญกับเรียกค่าเสียหาย 10,000 บาท ต่อไปเดือนละ 5,000 บาท จนกว่าจะหยุดทำละเมิดเป็นคดีปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินไม่ได้   แม้เรียกค่าเสียหายด้วยไม่เกิน 10,000 บาท และต่อไปเดือนละ 5,000 บาท ก็ไม่ใช่คดีมีทุนทรัพย์ตาม ป... .224 วรรคแรกอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
คำสั่งคำร้องที่ 846/27  ฟ้องขอให้ห้ามมิให้จำเลยใช้ชื่อสถานประกอบการค้าที่อ่านออกเสียงคล้ายคลึงกับชื่อสถานประกอบการค้าของโจทก์  แม้จะเรียกค่าสินไหมทดแทนมาเพียง 50,000 บาท   พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องก็เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้  ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
-                   ผู้รักษาทรัพย์อุทธรณ์ให้ศาลกำหนดค่ารักษาทรัพย์ใหม่เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
ฎีกาที่  1566/24    ค่ารักษาทรัพย์ซึ่งผู้ชนะคดีนำยึดและมีสัญญากำหนดไว้กับผู้รักษาทรัพย์นั้น ค่ารักษาทรัพย์เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี     ศาลพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควร   ผู้รักษาทรัพย์อุทธรณ์ฎีกาได้ถ้าเห็นว่าศาลกำหนดให้ต่ำไปเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์มิใช่คดีมีทุนทรัพย์ตามที่ผู้รักษาทรัพย์อุทธรณ์ฎีกาเรียกร้องเอา
ฎีกาที่  2745/32  โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งจำเลยได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะ และให้จำเลยออกโฉนดที่พิพาทให้โจทก์  ดังนี้ เป็นการฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์

ในคดีต่างๆ มีหลักการคิดทุนทรัพย์  ที่มีรายละเอียดมากมาย จะได้กล่าวต่อไปในตอนที่ ๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น