ข้อ 1.   นายเอก มีความแค้นกับนายโท ต้องการฆ่านายโท  จึงลักลอบนำระเบิดเข้าไปวางในห้องเรียนที่มีนักศึกษาเรียนอยู่เป็นจำนวน 15 คน เมื่อถึงเวลาบรรยาย  นายเอกกดระเบิดจากโทรศัพท์มือถือ  ทำให้ระเบิดที่วางไว้นั้นเกิดระเบิดขึ้น  นายโท และนักศึกษาทั้งหมดถึง ถึงแก่ความตาย  พนักงานอัยการสั่งฟ้องนายเอก  นายเอกรับผิดในการฆ่านายโท แต่ต่อสู้ว่าตนไม่ได้มีเจตนาฆ่านักศึกษาคนอื่นเป็นการเฉพาะ  ถ้าท่านเป็นศาลท่านจะวินิจฉัยคดีนี้อย่างไร 
กรณีตามปัญหาประมวลกฎหมายอาญาวางหลักกฎหมายเกี่ยวข้องไว้ดังนี้
หลักกฎหมายที่ 1 กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและ ในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการ กระทำนั้น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายเอกต้องการฆ่านายโท  จึงลักลอบนำระเบิดเข้าไปวางในห้องเรียนและกดระเบิดจากโทรศัพท์มือถือ  โดยประสงค์ต่อผลคือความตายของนายโท  เมื่อระเบิดนั้นเกิดระเบิดขึ้น  นายโทถึงแก่ความตายสมเจตนาของนายเอกแล้ว นายเอกต้องรับผิดฐานฆ่านายโทโดยเจตนาประสงค์ต่อผล
กรณีนักศึกษาทั้งหมดที่ถึงแก่ความตายเพราะการระเบิดดังกล่าว  นายเอกจะอ้างว่าตนไม่ได้มีเจตนาฆ่านักศึกษาคนอื่นเป็นการเฉพาะ  หาได้ไม่  เพราะการที่นายเอกนำระเบิดไปวางไว้ในห้องเรียนซึ่งทราบดีว่า มีผู้อื่นร่วมเรียนอยู่ด้วย นายเอกย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า  เมื่อระเบิดเกิดการระเบิดขึ้น ผู้อื่นจะถึงแก่ความตายไปด้วย  นายเอกจึงต้องรับผิดต่อนักศึกษาทั้ง ๑๕ คนดังกล่าว  ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล
จึงวินิจฉัยว่า  นายเอกมีความผิดฐานฆ่านายโทโดยเจตนาประสงค์ต่อผล และฆ่านักศึกษาทั้ง ๑๕ คนโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากหลักกฎหมายประกอบเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ข้อ 2. นายธงชาติเป็นเด็กวัด มีนิสัยนักเลง เกเร วันเกิดเหตุ พระภิกษุผู้เป็นอาจารย์ เห็นนายธงชาติหยิบมีดไปด้วยรู้นิสัยศิษย์ จึงบังคับให้นายธงชาตินำมีดมาคืน แต่นายธงชาติไม่ยอม พระอาจารย์จึงเอาไม้ตะพดฟาดไปที่นายธงชาติหนึ่งที นายธงชาติไม่พอใจจึงเอามีดเล่มดังกล่าวแทงพระอาจารย์ถึงแก่มรณภาพ ดังนี้ นายธงชาติจะสามารถอ้างเหตุบรรเทาโทษใด ตามกฎหมายได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
กรณีตามปัญหาประมวลกฎหมายอาญาวางหลักกฎหมายเกี่ยวข้องไว้ดังนี้หลักกฎหมายที่ 1 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุ อันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะ ลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใด ก็ได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า   นายธงชาติมีนิสัยนักเลง เกเร  เมื่อพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์  เห็นนายธงชาติหยิบมีดไป จึงบังคับให้นายธงชาตินำมีดมาคืน  แต่นายธงชาติไม่ยอม  พระอาจารย์จึงเอาไม้ตะพดฟาดไปที่นายธงชาติหนึ่งที  เป็นการลงโทษที่ครูบาอาจารย์สามารถกระทำต่อศิษย์ได้  ไม่ใช่กรณีที่นายธงชาติถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม  การที่นายธงชาติเอามีดเล่มดังกล่าวแทงพระอาจารย์ถึงแก่มรณภาพนั้น นายธงชาติจะอ้างเหตุบรรดาลโทสะเพื่อบรรเทาโทษไม่ได้เลย  
ดังนั้น  นายธงชาติใม่สามารถอ้างเหตุบรรดาลโทสะเพื่อบรรเทาโทษใด จากหลักกฎหมายประกอบเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ข้อ 3.   นายบุญมีต้องการฆ่านายบุญมา   ทราบมาว่า  นายบุญยืนมีเรื่องราวและเคียดแค้นนายบุญมาอยู่ด้วย   จึงได้เตรียมปืน .38  บรรจุกระสุนไว้เรียบร้อยและนำไปให้นายบุญยืน  พร้อมทั้งพูดจาชักชวนให้นายบุญยืน พูดส่อเสียดให้นายบุญยืนเกิดความเกลียดชังนายบุญมา  นายบุญยืนจึงนำปืนดังกล่าวไปฆ่านายบุญมา ให้วินิจฉัยความรับผิดของนายบุญมีและนายบุญมา 
กรณีตามปัญหาประมวลกฎหมายอาญาวางหลักกฎหมายเกี่ยวข้องไว้ดังนี้
หลักกฎหมายที่ 1 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้ กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายบุญมีต้องการฆ่านายบุญมา ทราบมาว่า นายบุญยืนมีเรื่องราวและเคียดแค้นนายบุญมาอยู่ด้วย จึงได้เตรียมปืน .38 บรรจุกระสุนไว้เรียบร้อยและนำไปให้นายบุญยืน พร้อมทั้งพูดจาชักชวนให้นายบุญยืน พูดส่อเสียดให้นายบุญยืนเกิดความเกลียดชังนายบุญมาจนนายบุญยืนตกลงใจไปฆ่านายบุญมาตามคำยุยงของนายบุญมีนั้น นายบุญมีได้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการยุยงส่งเสริม นายบุญมีจึงเป็นผู้ใช้ให้นายบุญยืนกระทำความผิด เมื่อนายบุญยืนนำปืนดังกล่าวไปฆ่านายบุญมา ตามที่นายบุญมียุยงดังกล่าว นายบุญมีจึงต้องรับโทษเสมือนตัวการ
จึงวินิจฉัยว่า นายบุญมี มีความผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาจากหลักกฎหมายประกอบเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ข้อ 4.   นายสร้อย  นายสุข  และนายสม  ร่วมกันมาลักสายไฟที่โรงงานผลิตสายไฟของนายดำ  เพื่อนำไปขาย  โดยนายสร้อยและนายสุขปีนรั้วเข้าไปในโรงงาน  จากนั้นนายสร้อยโยนทรัพย์ออกมากองไว้นอกรั้วโรงงานจนหมดเรียบร้อยแล้ว  นายสร้อยและนายสุขจึงปีนออกมาเก็บทรัพย์ที่ลักมา  แต่ก็ถูกจับได้เสียก่อน  ยังไม่ทันได้นำสายไฟไปขาย  ทั้งสามคน  ต่อสู้ว่า  การกระทำของตนเป็นเพียงความผิดฐานพยายามลักทรัพย์  หาใช่ลักทรัพย์สำเร็จไม่ ดังนี้  ให้วินิจฉัยความรับผิดของทั้งสามคนดังกล่าว
มาตรา 334       ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น  หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
กรณีตามปัญหาประมวลกฎหมายอาญาวางหลักกฎหมายเกี่ยวข้องไว้ดังนี้ 
หลักกฎหมายที่ 1 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายาม กระทำความผิด
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า   นายสร้อย  นายสุข  และนายสม  ร่วมกันมาลักสายไฟที่โรงงานผลิตสายไฟของนายดำ  โดยนายสร้อยและนายสุขปีนรั้วเข้าไปในโรงงาน  จากนั้นนายสร้อยโยนทรัพย์ออกมากองไว้นอกรั้วโรงงานจนหมดเรียบร้อยแล้ว  ทรัพย์ดังกล่าวได้เคลื่อนที่และอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะเอาไปได้แล้ว  การลักทรัพย์ดังกล่าวสำเร็จแล้วหาใช้พยายามไม่
การที่นายสร้อยและนายสุขถูกจับได้เสียก่อน  ยังไม่ทันได้นำสายไฟไปขาย  ก็ไม่ทำให้ความผิดที่สำเร็จแล้วกลับกลายเป็นพยายามอีก